Wednesday, 22 March 2023

รีวิวหนัง “Blue Again” ตกผลึกดราม่า 3 ชั่วโมง ยกให้เป็นหนังไทย ดีที่สุดของปีนี้

ได้มาพบกับ Blue Again หนังไทย ที่มีความยาว ของเรื่องราว เทียบชั้นกับหนัง Avatar ภาคใหม่ที่จะเข้าโรงฉาย หนังนอกกระแส ที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงนิด ๆ อัดแน่นด้วยเงื่อนดราม่า จัดจ้านที่ทะลวงลึก นี่เป็น “Blue Again” หนังไทยฟอร์มเล็ก ๆ

ที่ถูกรับเลือกให้ เข้าสายประกวด ในเทศกาลหนังปูซานของปีนี้ ที่พกพาลีลาธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาออกมา ร้อยเรียงเป็น เรื่องราวชีวิต ในรั้ววิทยาลัย ได้อย่างบาดลึก จนทำให้เรา ต้องการจะยกให้เป็น หนังไทยเรื่องที่ดีเยี่ยมที่สุดในปี 2565 นี้ไปเลย

Blue Again กับเพื่อน

Blue Again เป็นเรื่องราวบนโลก ที่มิได้ใจดี กับเราเท่าไหร่

ของ เอ หญิงสาว ลูกครึ่งอีสาน-ตะวันตก ดิ้นรนเข้ามาเรียน ออกแบบแฟชั่น ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยหวังว่า จะสามารถช่วยชีวิต โรงย้อมครามของครอบครัว ที่กำลังจะตายลงไปได้ เธอได้พบกับ แพร เพื่อนซี้คนแรก ในมหาวิทยาลัยถูกดึงดูด เข้ามาอยู่ในวงโคจรของเธอ ด้วยต้นทุน ทางสังคมรวมทั้งความฝัน ที่คล้ายกัน

ขณะที่ เอพยายามปกป้อง ความฝันของตัวเอง ไปพร้อม ๆ กับถักทอความสัมพันธ์ กับคนรอบข้างเอาไว้ แต่ว่าก็เหมือน เส้นด้ายจะขาดลง เป็นจังหวะที่ สุเมธ เพื่อนรักคนเดียว ในวัยเด็กผู้เป็นเซฟโซน ก็ได้กลับมาในวงโคจร ของเธออีกรอบ ในค่ำคืนวันคริสต์มาส ตามสัญญา แต่ว่ามันยิ่งกลับ ทำให้เอตั้งคำถาม กับตนเองว่า ” บนโลกนี้…ที่ตรงไหนเป็นที่ของเธอจริง ๆ บ้าง ”

นี่เป็นผลงานสร้างหนัง เรื่องแรกของ นักทำหนังหน้าใหม่ “ฐาปณี หลูสุวรรณ” ที่นับว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ตั้งแต่ออกตัวในเส้นทางนี้ จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ เป็นการต่อยอด มาจากหนังที่เธอ ทำส่งเป็นธีสิสโปรเจกต์ สำเร็จการศึกษาของตัวเอง ก่อนเอามาพัฒนาสร้างเป็นหนัง เรื่องยาวที่อัดแน่น ไปด้วยทุกอณูที่รายละเอียด ในแบบที่เธอต้องการจะเล่า พร้อมกับทำหน้าเขียนบทเอง อำนวยการสร้างเอง รวมทั้งยังดูแล หลายส่วนตัวเองด้วย

มั่นใจว่าหลายคน เห็นความยาวของหนัง ที่มากถึง 190 นาที อาจต้องตกใจ อย่างแน่นอน เพราะเหตุว่ามันเป็น 3 ชั่วโมง ที่คุณจะต้องนั่งจดจ่ออยู่แต่ ในโรงหนัง กับอิริยาบถนั่งเดิม ๆ ที่อาจเป็นแผลกดทับได้

แต่ว่าพอได้ไปสัมผัส รวมทั้งพิสูจน์ ด้วยตาตนเองแล้วนั้น กับพบว่า Blue Again สามารถประคับประคองความยาวของหนัง เอาไว้ได้อยู่หมัด กลายเป็นหนัง 3 ชั่วโมง ที่แทบไม่มีจุดไหน ละสายตาและก็จังหวะ ที่เบื่อหน่าย เลยสักช็อตเดียว

ถึงแม้ว่าส่วนประกอบงานสร้างของ Blue Again จะยังมิได้ดิบดีอะไร เป็นแค่เพียงการยกระดับ มาตรฐานขึ้นมา จากหนังนักศึกษา ไปอีกขั้นหนึ่งแค่นั้น นี่เป็นหนังอิสระ ที่ไม่มีนายทุนใด ๆ มาช่วยซัพพอร์ต

แต่ว่าสิ่งที่หนัง ถ่ายทอดออกมาทั้งหมดนั้น เต็มไปด้วยความหมาย ที่คมคาย ร้อยเรียงเรื่องราว ออกมาได้มีจังหวะรวมทั้งชั้นเชิง ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ก็เลยกลายเป็นหนังเรื่องยาวมาก ๆ ที่สามารถสะกดสายตา ผู้ชมได้เอาไว้ แม้จะปวดเข้าห้องน้ำ ก็ไม่อยากจะลุกไปเข้า เพราะเหตุว่ากลัวจะพลาดดู ไม่ครบทุกซีน

Blue Again รีวิว

อีกทั้งหนังยังมี การใส่รายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ แต่ว่าเรียบง่ายซ่อน ไว้ในหนังอยู่เรื่อย ๆ

โดยเฉพาะอย่างสิ่งของ รวมทั้งลูกเล่น เรื่องสีต่าง ๆ นี่เป็นหนังอีกเรื่อง ที่เห็นได้ชัดว่า ใช้โทนสีต่าง ๆ มาเป็นตัวแทน ของคาแรกเตอร์ตัวละครนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นนางเอก ที่มีโทนสีฟ้าเป็น ตัวแทนตามชื่อเรื่อง ขณะที่มิตรภาพรอบข้างเธอนั้น มีทั้งสีเหลืองหรือสีส้ม ที่ถูกนำมาใช้ ซึ่งเป็นโทนสีที่ออกจะตัดกับสีฟ้า แต่ว่าเมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้วนั้น มันกลายเป็นสีที่ช่วยส่งเสริมกันและกัน ได้อย่างน่าประหลาดใจ

แน่ ๆ ว่า ด้วยความที่ BlueAgain เป็นหนังอิสระ เราก็เลยแทบ ไม่รู้จักนักแสดงในเรื่องเลย พวกเขาเป็นเพียงนักแสดงโนเนม ที่ยังไม่มีชื่อเสียงใด ๆ แต่ว่านั่นก็นับว่าเป็นจุดเด่น รวมทั้งข้อดีของหนัง เพราะเหตุว่าพวกเขาสามารถ ช่วยกันประคองหนัง เอาไว้แบบเป็นทีม

บางครั้งอาจจะยังไม่ใช่การแสดง ที่ดีระดับสมบูรณ์แบบ แต่ว่าแอคติ้งรวมทั้งอินเนอร์ของพวกเขา เป็นความสดใหม่รวมทั้งน่าค้นหา โดยเฉพาะอย่าง “ตะวัน จริยาพรรุ่ง” ที่ถ่ายทอดอารมณ์ ออกมาได้ชัดเจน ด้วยท่าทางต่าง ๆ แม้จะไม่ต้องพูด บทเลยก็ตาม

แต่ว่าดีเด็ดรวมทั้งไฮไลต์ของจริง ของ BlueAgain ก็คือบทหนัง บทหนังที่ผู้กำกับ เป็นคนลงมือแต่งด้วยตัวเอง บางทีอาจยกได้ว่า เป็นบทหนังไทย ที่ดีที่สุดในรอบ ทศวรรษเลยก็ว่าได้ เพราะเหตุว่าบทหนังเรื่องนี้ เต็มไปด้วยมิติรวมทั้งความซับซ้อน

ในการสำรวจตัวละคร ได้อย่างมีชั้นเชิง กล่าวได้ว่าบทหนัง สามารถพาผู้ชม ไปสอดส่องประเด็นต่าง ๆ ของคาแรกเตอร์ ที่ไม่ใช่แค่เพียง ตัวละครหลักแค่นั้น ทุกตัวละครในหนัง เรื่องมีภูมิหลังรวมทั้งปมของตัวเอง เกือบจะทั้งสิ้น รวมทั้งหนังก็ใส่รายละเอียด มาได้กำลังดี

ทั้งบทหนังเรื่องนี้ ยังจัดจ้านด้วยการ หยิบใส่ประเด็นที่มองดู อาจจะธรรมดา ๆ แต่กลับสร้างความอิมแพค ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งประเด็นความสัมพันธ์กับมิตรภาพ เรื่อยไปถึงสายสัมพันธ์ในครอบครัวแบบไทย รวมทั้งเหวี่ยงไปเฉียด

ถึงประเด็นละเอียดอ่อน อย่างความเชื่อนับถือ ทางศาสนาด้วย ที่จะต้องสารภาพเลยว่า BlueAgain สามารถไล่ตาม เก็บทุกรายละเอียด เอาไว้ได้อย่างคุ้มค่า เป็นบทหนังที่ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ได้อย่างเต็มที่