Wednesday, 22 March 2023

รีวิวหนัง “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่บัดนี้เสียงนั้น จุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก

หนังสายรางวัล ก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูกาลในประเทศไทย แบบเบา ๆ แล้วเหมือนกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่มาพร้อมด้วยประเด็นทางสังคม สุดอื้อฉาวคาวโลกีย์ ที่แปลงเป็นแรงกระตุ้น และการขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ ระดับโลกในปัจจุบัน เพียงแค่ความพยายามกล้า ที่จะเปล่งเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ กลายมาเป็นเสียงตะโกน ที่สนั่น กับเรื่องราว ที่พวกเธออยากจะให้โลกได้รับรู้!

SheSaid เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวแห่งสื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้กระทำการเปิดโปง และเปิดตัวการเคลื่อนไหว ของแคมเปญ #MeToo ที่แปลงเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยการกระทำ ชั่วก่ออาชญากรรมทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ ที่ฉาวโฉ่ไปทั่ว ทั้งแวดวงฮอลลิวูด เกี่ยวกับการกระทำของผู้บริหารระดับสูง จากสตูดิโอหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง

She Said บัดนี้เสียง

She Said คือถ้าว่าคุณเคยถูกใจ จากหนังสายรางวัลประเภท หนังสอบสวนเชิงข่าว

อย่าง “Spotlight คนข่าวคลั่ง” ที่ได้ออสการ์ไป หรือ “The Post เอกสารลับเพนตากอน” ที่เคยสะดุดตาบนเวทีรางวัล คุณก็น่าจะหลงใหล และลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ ได้อย่างง่าย ๆ ด้วยเหตุว่าโทนของหนัง ก็มาในทิศทางและทำนองแบบเดียวกัน

คือแปลงเป็นหนังดราม่าสอบสวน ที่เกือบเปลี่ยนเป็น เชิงสารคดีข่าวไปแล้ว ในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ออกจะ ดูง่ายและย่อยง่าย ผู้ชมสามารถแตะ ประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดอะไรเยอะ

นี่คือผลงานกำกับ หนังฮอลลิวูดเรื่องแรกเต็มตัว ของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน “มาเรีย ชเรเดอร์” ที่อาจจะกล่าวว่าความสามารถ ของเธอนั้น ก็ออกจะเอาการอยู่ สามารถชูประเด็นและนำเสนอ หนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าออกมาได้ออกจะมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไป สำหรับประสบการณ์ ของเธอสักนิดหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ องค์ประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่า ไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดจ้านพอ และยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ผสมออกมาอยู่มาก

โดยหนังเรื่องนี้ ได้นักประพันธ์ฝีมือเยี่ยม ชาวอังกฤษ “รีเบคก้า เลนคีวิซ” (จาก Disobedience และ Ida) ที่นับว่าคลุกคลีและถือเอาประสบการณ์ตรงสำหรับการ ทำงานข่าวเชิงสอบสวนของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเรื่องราว

หนังอาจจะมีทิศทางการเล่าเรื่อง ที่ออกจะเข้าถึงง่าย และไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ ถึงกระนั้นก็ยังพบว่า มีบางจุดที่ออกจะย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ หากว่าสามารถกระชับ ในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักนิด มีความคิดว่าหนังน่าจะประทับใจได้มากกว่า

แม้ว่า She Said มาได้วัตถุดิบและประเด็นชั้นเลิศ นำมาปรุงรส แต่ก็แอบเสียดาย อยู่นิดหน่อยที่ว่าประเด็น ที่หนักแน่นและยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อนำไป เปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่อง ข้างต้นที่อ้างอิง เข้าไปข้างต้นนั้น

นับว่าเรื่องนี้ยังออกจะห่างไกลจาก คำว่าสมบูรณ์แบบไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ ด้วยเหตุว่าในท้ายที่สุดหนัง หนังแทบจะมิได้สร้างมิติ และลูกเล่น ได้อย่างมีชั้นเชิง เป็นแค่การเล่าเรื่อง ไปตามสูตรแบบจับวาง ตามไทม์ไลน์ที่ควรจะมีเสน่ห์ ได้มากกว่านี้

She Said กึกก้อง

She Said จุดประกาย

ถึงกระนั้นหนังก็ยังโชคดี ที่มีกลุ่มนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของและพ่นไฟ ในหนังเรื่องนี้

ที่ช่วยแบกและพยุงหนังเอาไว้ เกือบจะทั้งเรื่อง “แครี่ มัลลิแกน” กับ “โซอี้ คาซาน” เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบ ของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหน ของพวกเธอ นับว่าทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐาน เพียงแค่น่าเสียดายอยู่บ้าง ด้วยเหตุว่าเชื่อว่าพวกเธอ ยังสามารถทำได้ดีมากกว่านี้ หากว่าองค์ประกอบของเขา มีความหนักแน่น มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก

“แพทริเซีย คลาร์กสัน”, “อันเดร บรอย์เกอร์” หรือ “เจนนิเฟอร์ เอเล่” ถือว่าเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่มาช่วยเติมรสชาติ ให้กับเรื่องนี้ และอย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่น ที่น่าสนใจด้วยการเชิญ นักแสดงที่เคยตกเป็นเหยื่อ ในกรณีดังกล่าว มาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาแค่เพียงเสียง แต่ถือว่าเป็นกิมมิก ที่พยายามช่วยยกระดับ ความทรงพลังให้กับ หนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น และเป็นการส่งสาร ที่สตรองเพิ่มขึ้น

หนึ่งในลูกเล่น ที่ออกจะน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่เท่าไหร่ นั้นก็ถือถือเอาหลักฐาน จากสถานการณ์จริง มาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนัง ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ถูกนำมาเปิดใช้ประกอบ ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสีย ของหนังไม่น้อย ด้วยเหตุว่าทำอะไรแบบนี้ก็เสี่ยง ที่จะถูกฟ้องร้องได้เหมือนกัน แต่เมื่อเจตนาของหนัง ต้องการที่ตีแผ่สังคมและเปิดโปง ในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้ มาใช้ก็พอจะสมเหตุสมผลด้วยดี

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็ถือเป็นหนังสอบสวนเชิงข่าว ที่พอดูได้อย่างจับใ ถึงหนังจะยังมิได้สมบูรณ์แบบ ในทุกทิศทาง มีข้อบกพร่องอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะทิศทางการนำเสนอ ของเรื่องที่มิได้หนักแน่นแข็งแรงพอ

ทั้ง ๆ ที่ได้ประเด็น ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่หนังก็ได้ทำหน้าที่ สื่อสารตามจุดมุ่งหมายของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียง ให้กับสตรี ที่ตกเป็นเหยื่อ การก่ออาชญากรรมทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้า ที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่จำนนยอม เพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล

โดยเหตุนี้ She Said เรื่องนี้ก็เลยเต็มไป ด้วยประโยคและวลีเด็ด ๆ สำหรับการใช้เพียงแค่ขับเคลื่อนสังคม เอาไว้มากมาย แต่มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้มีความรู้สึกขยะแขยงและหดหู่ใจ ไปในคราวเดียวที่ได้ยินว่า

” กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องคนที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ ” ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก ด้วยเหตุว่า นี่มันคือความจริงในสังคม ด้วยเหตุว่าในที่สุดแล้ว คนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้ กับคนที่เรืองรอง อิทธิพลอยู่เต็มสิบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ

ประเภท: ดราม่า

ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์

นำแสดงโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน

ความยาว: 129 นาที

ระบุฉายในไทย: 1 เดือนธันวาคม 2022 (ในโรงหนัง)